# พุธ 25 ธ.ค. 2013

ตอนนี้เดินทางกลับไทยจากปักกิ่งแล้ว ครั้งนี้เดินทางโดยใช้สายการบินฮ่องกงโดยต้องมาเปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกง ซึ่งถูกกว่าบินตรงโดยการบินไทย ก็เลยถือโอกาสเที่ยวสักหน่อย ทั้งประหยัดทั้งยังได้เที่ยวด้วยถือว่าคุ้ม

การเลือกรอบเที่ยวบินนั้นสามารถเลือกได้หลากหลาย สามารถเลือกให้เปลี่ยนต้องรอนานหรือรอแป๊บเดียวก็ได้ ครั้งนี้เพื่อให้ได้เที่ยวนานสักหน่อยจึงเลือกรอบที่เปลี่ยนแล้วรอนานที่สุด นั่นคือเครื่องถึงฮ่องกงเวลา 23:05 และออกจากฮ่องกงไปกรุงเทพฯตอน 17:00 ของวันถัดไป เท่ากับมีเวลาในฮ่องกงประมาณเกือบ ๑๘ ชั่วโมง

ครั้งนี้ไปเที่ยวกับเพื่อนสองคน โดยพยายามวางแผนเที่ยวไว้ล่วงหน้า เล็งว่าอยากไปที่ไหนบ้างไว้แล้ว ศึกษาข้อมูลของฮ่องกงไว้พอสมควร นอกจากนี้ก็มีฝึกภาษากวางตุ้งไว้เพื่อใช้คุยง่ายๆในฮ่องกงด้วย

เมื่อก่อนเคยมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ไปพักอยู่ที่กว่างโจวประมาณหนึ่งเดือน ก็เลยมีโอกาสได้ฝึกภาษากวางตุ้งพอประมาณ ก็หวังว่าสักวันจะมีประโยชน์ เพราะกวางตุ้งนั้นเป็นภาษาที่ใช้กว้างขวางเป็นอันดับสองในจีนรองจากจีนกลาง

แต่ว่าฮ่องกงนั้นต่างจากกว่างโจวมาก แม้ว่าคนท้องถิ่นจะพูดกวางตุ้งเหมือนกัน แต่ทุกคนที่กว่างโจวพูดจีนกลางได้เป็นอย่างดี ในขณะที่ฮ่องกงเนื่องจากแยกการปกครองจากจีนเป็นเวลานาน ทำให้พูดจีนกลางได้ไม่คล่อง สำเนียงเหมือนคนต่างชาติพูด เพราะในชีวิตประจำวันเขาใช้แต่เพียงกวางตุ้ง แทบไม่ต้องใช้จีนกลางเลย ส่วนภาษาอังกฤษก็ยิ่งแย่กว่าอีกแม้ว่าจะเป็นภาษาราชการก็ตาม แต่ก็พูดได้ดีกว่าคนจีนแผ่นดินใหญ่อยู่ไม่น้อยอย่างเห็นได้ชัด

ถ้าอยู่กว่างโจว ภาษาหลักยังคงเป็นภาษาจีนกลาง ไม่รู้กวางตุ้งก็ไม่เป็นไร ไม่ถึงกับอดตาย แต่ถ้าอยู่ฮ่องกงละก็กลับกัน กวางตุ้งจะเป็นภาษาหลักที่ใช้ได้กว้างขวางกว่า แม้ว่าภาษาราชการของฮ่องกงจะกำหนดให้เป็นภาษาจีนกลางเช่นเดียวกับส่วนอื่นของจีนก็ตาม

ในการเที่ยวครั้งนี้เราได้ลองพูดกวางตุ้งบ้าง สลับกับจีนกลาง เวลาไหนที่พูดประโยคที่พูดง่ายๆ ไม่รีบร้อนก็พูดกวางตุ้ง ถ้าพูดเรื่องยากๆและเวลารีบร้อนก็ใช้จีนกลางพูด แน่นอนที่สุด คนฮ่องกงส่วนพูดจีนกลางได้ เพียงแต่ชอบพูดปนกวางตุ้งโดยไม่รู้ตัว ถ้าไม่รู้กวางตุ้งเลยอาจจะงงได้เวลาคุย ดังนั้นรู้กวางตุ้งไว้ยังไงก็มีประโยชน์สำหรับการมาเที่ยวฮ่องกง

สำหรับการเขียนเล่าเรื่องเที่ยวในฮ่องกงจะขอพูดชื่อสถานที่เป็นภาษากวางตุ้งทั้งหมด เพราะที่นี่เขาใช้กวางตุ้งกัน และชื่อทับศัพท์ภาษาอังกฤษต่างๆก็มาจากกวางตุ้งทั้งนั้นจึงน่าจะคุ้นเคยกว่าที่จะเรียกเป็นจีนกลาง



ก่อนอื่นพูดถึงสถานที่สักหน่อย ฮ่องกงเป็นเขตการปกครองพิเศษของจีน เนื่องจากเมื่อก่อนเคยเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ และเพิ่งจะคืนให้จีนเมื่อปี 1997 ดังนั้นจึงมีอะไรหลายอย่างต่างจากส่วนอื่นๆของจีน อักษรจีนที่ใช้ที่นี่ก็เป็นอักษรตัวเต็มเช่นเดียวกับไต้หวัน

ฮ่องกงแบ่งออกเป็นส่วนพื้นทวีปและเกาะต่างๆมากมาย โดยเกาะที่สำคัญมีอยู่สองเกาะคือเกาะฮ่องกงและเกาะลันเตา ตัวเมืองหลักตั้งอยู่บนเกาะฮ่องกงและพื้นทวีปส่วนที่เรียกว่าคาบสมุทรเกาลูน บริเวณนอกเหนือจากตรงนี้ส่วนใหญ่เป็นภูเขา เต็มไปด้วยธรรมชาติ ไม่ค่อยมีคนอาศัย

สำหรับเกาะลันเตานั้นเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุด มีขนาดประมาณ ๒ เท่าของเกาะฮ่องกง แต่ไม่ค่อยมีคนอาศัย มีความสำคัญตรงที่เป็นทางเชื่อมไปสู่สนามบินนานาชาติฮ่องกง (香港國際機場) ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะที่ถูกถมสร้างขึ้น

ชื่อฮ่องกงนั้นมาจากภาษากวางตุ้งซึ่งเรียกว่าเฮิ้งก๋อง (香港) ในขณะที่จีนกลางจะเรียกว่าเซียงก่าง และเกาลูนมาจากภาษากวางตุ้งซึ่งเรียกว่าเก๋าหล่ง (九龍) ถ้าเป็นจีนกลางจะอ่านว่าจิ่วหลง ส่วนเกาะลันเตานั้นชื่อมาจากภาษาอังกฤษ ภาษากวางตุ้งจะเรียกว่าต่ายหยวี่ซ้าน (大嶼山) จีนกลางอ่านว่าต้าหยวี่ซาน

แม้จะเป็นส่วนหนึ่งของจีนแต่ว่าหน่วยเงินที่นี่ไม่ได้ใช้เงินหยวน แต่ใช้เป็นหน่วยเหรียญฮ่องกง หรือที่ภาษาจีนเรียกว่าก่างปี้ (港幣) ราคาประมาณ ๑ เหรียญ ≈ ๔ บาท หรือ ๕ เหรียญ ≈ ๔ หยวน ในภาษากวางตุ้งนิยมเรียกหน่อยเงินเหรียญว่ามั้น (蚊) แปลตรงๆว่ายุง แต่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับยุงเลย

นอกจากนี้ยังมีหน่วยย่อยกว่านั้นเรียกว่าโห่ว (豪) โดย ๑๐ โห่ว = ๑ มั้น แต่ในฮ่องกงนิยมใช้หน่วยซิ้น (仙) ซึ่งมาจากคำว่าเซ็นต์ในภาษาอังกฤษ ๑๐๐ ซิ้น = ๑ มั้น หน่วยเล็กสุดของเงินฮ่องกงคือ ๑ โห่ว หรือ ๑๐ ซิ้น (เท่ากับประมาณ ๔๐ สตางค์)

การเที่ยวของเราครั้งนี้เป็นการเที่ยวในเวลาที่ค่อนข้างแปลกสักหน่อย คือเริ่มต้นตอนก่อนรุ่งเช้า เที่ยวไปเรื่อยๆจนถึงช่วงบ่ายโมงกว่า ก่อนที่จะเดินทางกลับไปสนามบินให้ทันขึ้นเครื่องบินรอบห้าโมงเย็น นับว่าทรหดเพราะแทบไม่ได้นอน แต่เพื่อประสบการณ์แล้วก็คุ้มที่จะลอง



วันที่ 24 ตอนบ่าย เราเก็บข้าวของที่จะเอากลับไทย แล้วเดินทางสู่สนามบินปักกิ่ง สายการบินฮ่องกงนั้นอยู่ที่อาคาร 2 ต่างจากการบินไทยที่ขึ้นประจำซึ่งอยู่ที่อาคาร 3 ครั้งที่แล้วตอนที่ไปญี่ปุ่นก็มาขึ้นที่อาคารนี้เหมือนกัน อาคาร 2 เล็กกว่าอาคาร 3 มาก



ระหว่างที่รอขึ้นเครื่องก็เห็นคนมากมายที่พูดภาษากวางตุ้ง น่าจะเป็นคนฮ่องกงประมาณครึ่งนึงทีเดียว ยังไม่ทันถึงฮ่องกงก็เจอกวางตุ้งเต็มไปหมดแล้ว



บนเครื่องบินเวลาประกาศอะไรจะขึ้นต้นด้วยภาษากวางตุ้ง ตามด้วยภาษาอังกฤษ และพูดจีนกลางปิดท้าย เป็นแบบนี้เสมอ สำเนียงจีนกลางของกัปตันฟังค่อนข้างยาก และเหมือนจะยังดพูดปนกลางตุ้งเป็นบางคำด้วย

ตอนเขาแจกอาหารเราก็ได้ลองพูดจีนกวางตุ้งเป็นครั้งแรกตอนที่เขาถามว่าจะเอาน้ำอะไร เราก็ตอบไปว่าน้ำแอปเปิล เรียกว่า เผ่งกว๋อจั๊บ (蘋果汁) ถ้าเป็นจีนกลางจะอ่านว่าผิงกั่วจือ นอกนั้นพอเขาเอาให้พูดว่า อึ่มก๊อยซาย (唔該晒) แปลว่าขอบคุณมาก คำนี้เป็นคำที่พูดบ่อยสุดตลอดเที่ยวนี้ แม้ส่วนใหญ่เราจะยังพูดจีนกลางอยู่ แต่เวลาขอบคุณเราจะพูดคำนี้แทนที่จะพูดเซี่ยเซี่ย (謝謝) ตามปกติ

อาหารบนเครื่อง อร่อยมาก ทั้งขาไปและขากลับเลย ติดใจสายการบินนี้แล้ว คราวหลังอาจจะหันมาใช้แทนการบินไทย



บนเครื่องมีหนังให้ดูด้วย แต่ไม่ได้ดูเพราะว่าต้องนอนเอาแรงไว้สำหรับเที่ยวคืนนี้



เมื่อไปถึงสนามบินฮ่องกงก็ต้องนั่งรถไปต่อ ไม่มีงวงมารับ เช่นเดียวกับที่สุวรรณภูมิเลย ต่างจากที่ปักกิ่งที่ไม่ว่าจะขึ้นครั้งไหนก็ใช้งวงตลอด สะดวกกว่าเยอะ




เสร็จแล้วออกมานั่งเล่นตรงที่รอรับกระเป๋า เนื่องจากเรามาเพื่อต่อเครื่องดังนั้นไม่ต้องมารอรับสัมภาระ มันจะถูกส่งต่อไปถึงกรุงเทพฯโดยอัตโนมัติ ที่นี่สามารถใช้ wifi ฟรีได้สบายจึงเอามาลองเปิดเข้า facebook สักหน่อย



สักพักก็ออกมาด้านนอก ภายในสนามบินมีการตกแต่งเข้ากับเทศกาลคริสต์มาสอยู่ประปราย




ก่อนอื่นเราเอากระเป๋าใส่โน้ตบุ๊กไปฝากตรงที่ฝากของก่อน ค่าฝากของนั้นกระเป๋า ๑ ใบคิดชั่วโมงละ ๑๐ เหรียญ ถ้าฝากทั้งวันก็จะคิด ๑๒๐ เหรียญ

ฝากของเสร็จออกมาดูตรงที่ขึ้นรถบัสที่จะใช้นั่งเพื่อเข้าเมือง รอบดึกแบบนี้ปกติแล้วมีวิธีเข้าเมืองอยู่แค่ไม่กี่วิธีเท่านั้น ถ้าไม่นั่งแท็กซีก็ต้องนั่งรถเมล์รอบดึก ซึ่งช่วงหลังเที่ยงคืนถึงหกโมงเช้ามีรถเมล์สาย N11 ครึ่งชั่วโมงต่อคันรับส่งจากสนามบินถึงฝั่งเกาลูนและเกาะฮ่องกง ค่ารถ ๓๑ เหรียญ



ตรงนี้เป็นจุดที่ขึ้นรถไฟความเร็วสูงเข้าเมือง ใช้เวลาประมาณ ๒๐ กว่านาทีเท่านั้นก็ไปถึงเกาลูนและเกาะฮ่องกงได้ แต่ราคาแพงมักดังนั้นถ้าไม่ได้รีบละก็ใช้รถเมล์จะดีกว่าและประหยัดที่สุดด้วย



ยังไม่ถึงเวลาที่จะออกก็เลยมาหาที่นั่งพักในสนามบิน บรรยากาศตอนนี้ดูเงียบดีไม่ค่อยมีคนเดินมากนัก คนที่เห็นส่วนใหญ่ก็นอนหลับกันอยู่ เราเองก็กะจะนอนพักผ่อนก่อนเพื่อเอาแรงก่อนที่จะไปเที่ยวตามแผนต่อ แต่เนื่องจากไม่ง่วงก็เลยอ่านหนังสือไปเรื่อยๆแทน



เป้าหมายแรกของการเที่ยวครั้งนี้คือร้านติ่มซำชื่อร้านซั้นเฮง (新興食家, ซั้นเฮงเส็กก๊า) ซึ่งอยู่ในย่านไซหว่าน (西環) ซึ่งอยู่ทางตะวันตกสุดของเกาะฮ่องกง การเดินทางนั้นต้องนั่งรถเมล์ไปลงที่จ๊งหว่าน (中環) ซึ่งเป็นใจกลางเมืองบนเกาะฮ่องกง แล้วค่อยนั่งแท็กซีต่อไปเพราะช่วงกลางดึกหารถเมล์ยาก


ที่เลือกเจาะจงร้านนี้เพราะได้รับคำแนะนำจากคนในเว็บบอร์ดพันทิปว่าร้านนี้อร่อยและมีชื่อเสียงมาก และที่สำคัญคือเวลาเปิดนั้นแปลกกว่าที่อื่น คือเปิด 3:00-16:00 จึงเหมาะกับคนที่อยากหาที่ไปตอนกลางคืน

พอถึงเวลาก็ออกไปเพื่อขึ้นรถรอบ 1:50 ที่จริงตอนแรกวางแผนจะไปขึ้นรอบ 2:20 หรือ 2:50 ด้วยซ้ำ เพราะไม่น่าจะจำเป็นต้องรีบ แต่เพราะท่าจะนอนไม่หลับเลยไม่อยากจะรอนานแล้ว แล้วก็อยากทานติ่มซำอร่อยๆเร็วๆก็เลยออกไปเลย ถ้าไปรอบนี้ก็จะไปถึงตีสามกว่า ร้านเพิ่งเปิดไม่นานพอดี

เมื่อออกไปรอก็พบว่ามีคนมาต่อคิวรอขึ้นรถเต็มเลย คนข้างหน้าใส่หมวกคริสต์มาส เข้ากับเทศกาลดี



พอถึงเวลารถเมล์ก็มา เป็นรถเมล์สองชั้น เราขึ้นไปนั่งชั้นสองเลยเพื่อจะชมทิวทัศน์รอบๆได้ดี



ขึ้นมานั่งชั้นสองแถวหน้าสุดเลยเห็นอะไรๆได้ชัดดี มองดูข้างล่างยังเห็นผู้คนที่ต่อแถวกันเพื่อขึ้นรถ คนเยอะทำให้รถออกช้ากว่าเวลาไป ๕ นาที ตอนที่รถออกยังมีคนบางส่วนไม่ได้ขึ้นมาด้วย คงต้องรอรถรอบต่อไปกัน ดีแล้วที่เรารีบมารอรถก่อนเวลา



หลังจากที่รถออกรถก็วิ่งวนเวียนรับคนตามจุดต่างๆในสนามบินสักพักจึงจะออกจากเกาะสนามบินผ่านเกาะลันเตา แล้วก็ใช้เวลาเกือบชั่วโมงจึงมาถึงแผ่นดินเกาลูน

ภาพนี้ตอนถึงฝั่งเกาลูน รถเมล์กำลังจอดส่งผู้โดยสารบางส่วนลง ดูบรรยากาศแม้ว่าเงียบๆไปบ้างแต่ผู้คนก็ยังดูแล้วเยอะอยู่ ไม่เงียบเหาลงง่ายๆ




จากนั้นรถก็ลอดอุโมงค์ข้ามมาฝั่งเกาะฮ่องกง





รถเมล์มาจอดสุดทางที่ท่าเรือจ๊งหว่าน (中環碼頭) เราลงกันตรงนี้



บรรยากาศท่าเรือยามค่ำคืนดูเงียบเหงา เราเข้าไปยังจุดรอรถแท็กซี สามารถขึ้นแท็กซีได้เลยโดยไม่เสียเวลาต่อคิวเพราะไม่ค่อยมีคน




เรายื่นชื่อและที่อยู่ของร้านที่เขียนไว้ในกระดาษให้คนขับแท็กซีดูแล้วลองพูดเป็นภาษากวางตุ้งบอกว่า หงอเต่ย์ยิวโฮยนี้โต่ว (我哋要去呢度) แปลว่าพวกเราจะไปที่นี่ เขาก็ดูจะเข้าใจด้วย แสดงว่าเราพูดใช้ได้แล้ว


แท็กซีพามาส่งถึงร้าน ค่ารถ ๔๒ เหรียญ ตอนมาถึงร้านเปิดอยู่แล้ว ร้านอื่นๆในบริเวณยังดูเงียบๆแต่ร้านนี้กลับดูครึกครื้น



ถ้านหน้าร้านมีรถเมล์เล็กจอดอยู่พอดีเลยถ่ายภาพร้านจากด้านหน้าชัดๆไม่ได้น่าเสียดาย รถเมล์นี้เป็นรถที่วิ่งในบริเวณนี้ แต่ตอนนี้ไม่ได้วิ่งก็มาจอดทิ้งเอาไว้



บรรยากาศภายในร้าน คนแน่นเต็มจนไม่อยากเชื่อว่าเป็นเวลาตีสามกว่าเลย เราต้องเข้าไปนั่งส่วนด้านในสุด เมื่อนั่งลงเขาจะเริ่มยกชามาให้ก่อน



ร้านนี้ไม่มีเล่มรายการอาหารให้ดู ต้องดูตามผนังเอาว่าอยากได้อะไร มีแปะอยู่เต็ม




ตรงนี้เขียนแนะนำร้าน และมีประกาษณียบัตรด้วย



รูปเจ้าของร้านก็มีแปะอยู่



เวลาจะสั่งอาหารก็ต้องมาหน้าร้านตรงนี้



อาหารพวกติ่มซำก็หยิบเอาตามสบาย เปิดฝาดูเลือกเอาเลย



ตอนที่เราพยายามคุยกับพวกเจ้าของร้านก็รู้สึกว่ามีปัญหาอยู่บ้างในการสื่อสาร ดูเหมือนเขาจะพูดจีนกลางไม่ค่อยได้ เราเลยพยายามพูดกวางตุ้ง ถึงจะสื่อสารรู้เรื่อง ก็สนุกดีตรงที่ได้ฝึกใช้ภาษากวางตุ้งจริงๆ ตอนถามถึงเมนูอาหารก็ถามว่าเหยาโหมวชอยต๊าน (有冇菜單) แปลว่ามีเมนูอาหารมั้ย แล้วเขาก็บอกว่า จี่เก๋ย์ไถ (自己睇) แปลว่าดูเอาเอง

ก็หยิบมาพอประมาณ มีขนมจีบ แล้วก็ซาลาเปาไส้ครีมไหล ส่วนอันล่างสุดสีเหลืองๆเป็นไส้ข้าว ไม่ค่อยถูกใจเท่าไหร่



ขนมจีบที่นี่อร่อยมากกว่าที่อื่นที่เคยทานมาทั้งหมดเลย ไม่ผิดหวังที่อุตส่าห์มาถึงที่นี่จริงๆ


ของที่มีชื่อเสียงที่สุดของที่นี่ก็คือซาลาเปาไส้ครีมไหลที่เรียกว่าหลิวซาเปา (流沙包) หรือในภาษากวางตุ้งเรียกว่าเหล่าซ้าป๊าว แปลตรงๆว่าซาลาเปาทรายไหล อร่อยที่สุดอย่างที่ไม่เคยกินที่ไหนมาก่อนเลยทีเดียว ถึงขนาดต้องสั่งเพิ่มมาอีกเข่งทันทีที่กินหมด



ซาลาเปาไส้ครีมไหลแบบนี้ที่ปักกิ่งก็มีขาย เคยทานอยู่ แต่ว่าในไทยยังไม่เคยเจอเลย ปกติจะเจอแต่ซาลาเปาไส้ครีมธรรมดาซึ่งภาษาจีนเรียกว่าไหน่หวงเปา (奶
包) หรือภาษากวางตุ้งเรียกว่าหนายหว่องป๊าว

และแล้วซาลาเปาไส้ครีมไหลนี้ก็ทำพิษ มันทำเอาเราอิ่มจนแน่นโดยไม่รู้ตัว รู้สึกตัวอีกทีก็ทานไม่ไหวแล้ว ของอย่างอื่นก็เลยมีทานเหลือด้วย

ค่าใช้จ่ายทั้งหมดมื้อนี้คือ ๑๐๒ เหรียญ ก็ตกคนละ ๕๑ เหรียญ คิดว่าไม่แพงไป คุ้มทีเดียวสำหรับของอร่อยแบบนี้

สรุปแล้วร้านนี้แนะนำอย่างมากเลย อร่อยจริงๆ โดยเฉพาะคนที่มาเที่ยวในเวลาแปลกๆที่คนอื่นเขาไม่ค่อยเที่ยวกันแบบนี้ ร้านอื่นยังไม่เปิดกันแต่ร้านนี้เปิดแล้ว แต่ร้านนี้เท่าที่รู้ไม่เห็นคนไทยพูดถึงเท่าไหร่ คงเพราะมันอยู่ไกล ค่อนข้างห่างจากย่านที่คนทั่วไปนิยมไปเที่ยว

ต้องขอบคุณคุณ guesswho?? แห่งบอร์ดพันทิป ที่แนะนำร้านนี้

สำหรับคนที่อยากมาทานร้านนี้ปกติแล้วสามารถมาได้โดยการนั่งรถไฟฟ้ามาลงที่สถานีเสิ่งหว่าน (上還) จากนั้นนั่งรถรางต่อมาที่สถานีถนนสทิธฟิลด์
(士美菲路) พอลงมาแล้วที่บริเวณสี่แยกหันหน้าไปทางตรงข้ามกับทะเล แล้วเดินไปตามถนนสมิธฟิลด์ เดินไปแค่สองตึกก็จะเห็นทางแยกให้เลี้ยวขวา ร้านจะอยู่ในซอยนั้นเอง



หลังจากทานเสร็จแล้ว ก็ออกมาหารถแท็กซี เนื่องจากเวลานี้หารถเมล์ยากและอยู่ไกลจากรถไฟฟ้าด้วย แถวๆนี้ดูแล้วบรรยากาศยังเงียบเหงาอยู่อย่างที่เห็น



แต่ก็เจอรถแท็กซีแทบจะทันที หาไม่ยากเลย



ต่อจากนี้เราก็นั่งรถแท็กซีเพื่อข้ามไปเดินเที่ยวย่านจิ๊มซ้าโจ๋ย (尖沙咀) ซึ่งอยู่ฝั่งเกาลูนกันต่อไป ติดตามอ่านกันต่อได้ http://phyblas.blog.jp/20131228.html