>> อ่านตอนแรก
>> อ่านตอนที่แล้ว

หลังจากที่ได้กับนิโออิกครั้งเมื่อเกิดสุริยคราสที่ฮอร์นไฮม์แล้วอาช่าก็ยังอยู่ที่เมืองนี้ต่อไปสักพักโดยฝึกวิชาเล่นแร่แปรธาตุโดยสร้างของเพื่อช่วยเหลือผู้คนจนเก่งขึ้นเรื่อยๆ



แล้วก็ได้เวลาเดินทางจากฮอร์นไฮม์ไป ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ชวนยูริสออกไปผจญภัยด้วย



ระหว่างทางผ่านพื้นที่ชุ่มน้ำเอิสเทินก็เจอกับมังกร เข้า มันทั้งตัวใหญ่และน่ากลัว แต่ยูริสสังเกตว่าท้องมันดูอิ่มและที่เขี้ยวเล็บมีร่องรอยเลือดแสดงว่าเพิ่ง ล่าเหยื่อเสร็จไม่น่าจะมีอันตราย



อาช่าเดินทางมาที่ซากโบราณสถานที่รีเซินกัง ที่นั่นก็ได้เจอดอกไม้ส่องแสงบานและก็ได้พบนิโออีกครั้งตามที่คิด รอบๆตัวเธอนั้นเต็มไปด้วยพวกสลักจำนวนมาก เธอบอกว่าพวกสลักเป็นคนนำทางเธอมาที่นี่ ทำให้อาช่าแปลกใจว่าสลักที่เธอเคยเจอนั้นดูจะดุร้ายชอบอาละวาดใส่ นิโอก็เลยบอกว่าพวกสลักนั้นจริงๆแล้วคงจะนิสัยดี เพียงแต่ต้องมาอยู่ในที่แบบนี้ตลอดเป็นเวลานานเป็นใครก็คงทนไม่ได้



คุยแค่ไม่นานนิโอก็เริ่มมีท่าทีง่วงอีกแล้ว คราวนี้เธอดูมีท่าทีเหนื่อยกว่าทุกที เธอบอกว่ารู้สึกเหมือนว่าหลังๆมานี้เริ่มจะตื่นยากขึ้น เวลาที่หลับอยู่นานขึ้นทุกที พอตื่นไดไม่นานก็เริ่มง่วงอีกแล้ว ไม่นานเธอก็หายตัวไปอีกครั้ง อาช่าเริ่มกังวลว่าสงสัยนิโอดูเหมือนจะไม่ค่อยมีเวลาเหลือแล้ว ถ้าไม่รีบทำอะไรสักอย่างอาจช้าเกินไป


พอเดินย้อนมาเจอกับรานันเขาก็บ่นให้ฟังถึงความกลุ้มใจที่พลาดโอกาสดูดอกไม้ที่บานตอนสุริยคราสทั้งๆที่เขาเป็นคนบอกอาช่าเองว่าจะเกิดสุริยคราสตอนนั้นทำให้อาช่าได้มาเจอ เขาบอกว่ากว่าจะมีสุริยคราสเกิดขึ้นที่เดิมตรงนั้นอีกต้องรอไปอีก ๕๒ ปี ถึงตอนนั้นคงจะแก่พอดี อาช่าได้แต่ปลอบใจเขาแล้วก็เล่าเรื่องดอกไม้บานที่เธอเจอนั้นโดยละเอียดให้เข้าฟังแทน



จากนั้นพออาช่าแวะไปที่หอสมุดอีกทีก็พบว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ สลักที่เฝ้าหอสมุดเกิดอาละวาด คีธฟริฟอยู่ที่นั่นพอดีจึงช่วยจัดการปราบ



โอดีเลียบอกว่ามีความบกพร่องเกิดขึ้นในระบบของที่นี่ซึ่งเป็นเพราะมันเก่ามากแล้ว ทำให้สลักเริ่มไม่เชื่อฟัง และตอนนี้เธอคนเดียวไม่สามารถจะซ่อมแซมระบบได้ ดังนั้นคีธกริฟและอาช่าจึงให้ความร่วมมือ



พวกอาช่าเข้าไปในส่วนลึกของหอสมุดเพื่อจะเข้าถึงแผงควบคุมซึ่งอยู่ในส่วนลึกสุดของหอสมุด


แต่ยิ่งเข้าไปลึกมอนสเตอร์ภายในนี้ก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น พอเข้าไปได้ถึงห้องหนังสือห้องที่เจ็ดไอเท็มที่เตรียมมาก็เริ่มใช้หมดไปทำให้ต้องถอยกลับไปก่อน



พอกลับมาที่ห้องหน้าทางเข้าที่โอดีเลียอยู่อาช่าก็พบว่าโอดีเลียกำลังปวดฟันเพราะกินของหวานมากเกินไป ซึ่งก็ทำให้อาช่าแปลกใจว่าทำไมหุ่นยนต์ถึงปวดฟันได้ด้วย แต่โอดีเลียบอกว่าเธอมีระบบซ่อมแซมตัวเอง ปล่อยไว้เดี๋ยวก็หาย (ช่างน่าอิจฉา ไม่ต้องหาหมอฟันก็หายเองได้)



พวกอาช่าเดินทางออกจากหอสมุดเพื่อจะกลับเมือง ระหว่างทางคืนหนึ่งตอนที่พักค้างคืนกลางทางแล้วตื่นขึ้นมายูริสก็บ่นว่าอาช่านอนละเมอเยอะมาก เขาไม่ได้ตั้งใจแอบฟังแต่มันดังจนเขาได้ยินเอง อาช่ารู้สึกอายมากแล้วก็คิดในใจว่าไว้จะแอบดูตอนยูริสนอนบ้าง



แล้วพอเดินทางต่อไปก็เจอรานันอีกแล้ว เขาบ่นว่าช่วงนี้รู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไปเยอะเลย พอได้ทำงานกับเออร์นีแล้วรู้สึกว่าตัวเองสูญเสียวิถีชีวิตแบบเดิมไป แต่อาช่ากลับรู้สึกว่ารานันเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น



จากนั้นเดินทางต่อมาก็เจอนานาคา เธอกำลังตามหาลูกวัวที่หลงทางหายสาบสูญไปอยู่ อาช่าก็เลยบอกว่าเธอจะช่วยตามหา



จากนั้นไม่ไกลจากที่นั่นอาช่าก็เจอลูกวัวที่คล้ายกับของนานาคา แต่พอลองดูใกล้ๆแล้วก็พบว่าไม่ใช่



แล้วอาช่าก็กลับมาถึงอาเตอลีเย ตอนนี้ดอกไม้รวบรวมได้พร้อมแล้ว แต่เธอก็ยังไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่ออยู่ดีก็เลยตัดสินใจว่าไว้จะแวะกลับไปที่หอสมุดอีกทีเพื่อรวบรวมข้อมูลแล้วก็หาคีธกริฟด้วย เธอได้หยิบขวดที่คีธกริฟเคยให้มาพกติดไปด้วย



จากนั้นอาช่าไปที่ร้านขายของหาเมริเอ็ตตาและแฮรีเพื่อแจ้งข้อมูลเรื่องของที่โฮมุนคูลุสต้องการซึ่งนั่นก็คือลูกกวาด แฮรีบอกว่าเขาไม่เข้าใจเลยว่าไม่ต้องการเพชรพลอยแต่กลับต้องการลูกกวาดแบบนี้ช่างประหลาด แต่เมริเอ็ตตารู้สึกได้ว่าเงินทองไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด ค่าของสิ่งของมันต่างกันไปตามแต่ละคนมองจริงๆ



พอออกมาเดินในเมืองอาช่าก็พบลินคากำลังยืนกลุ้มใจอะไรอยู่ริมน้ำ ลินคาบอกว่าเธอได้รับคำสั่งจากเมริเอ็ตตาให้หาเพื่อนให้ได้ ซึ่งเป็นคำสั่งที่ยากมากเพราะเธอไม่เคยมีเพื่อนมาก่อน อาช่าก็เลยบอกว่าเราก็เป็นเพื่อนกันอยู่แล้วนี่ ลินคาก็มีท่าทีปฏิเสธว่าเธอแค่ได้รับคำสั่งให้มาช่วยปกป้องอาช่าเท่านั้นเอง แต่สุดท้ายก็ยอมรับในความจริงใจของอาช่า อย่างไรก็ตามคำสั่งของมาริออนคือให้หาเพื่อน ๑๐๐ คน ดังนั้นยังเหลือเพื่อนอีก ๙๙ คนที่ต้องตามหาอีก



ต่อมาอาช่ากลับมาที่ร้านขายของอีกครั้งก็เจอวิลเบลพยายามยัดเยียดให้เมริเอ็ตตาพยายามขายสินค้าเวทมนตร์ที่เธอทำขึ้นมา แต่เมริเอ็ตตาไม่รู้ว่ามันใช้ทำอะไรได้ก็เลยไม่สามารถช่วยได้ เมริเอ็ตตาก็เลยเสนอลักษณะของของที่น่าจะขายได้ พอวิลเบลได้ฟังก็เกิดปิ๊งขึ้นมาและชวนอาช่าออกไปช่วยเธอครั้งหน้าที่จะออกผจญภัย



หลังจากวิลเบลไปแล้วอาช่าก็ปรึกษาเมริเอ็ตตาอีกเรื่อง คือเรื่องที่ทาเนียต้องการให้เธอช่วยนำของจากเมืองติดตัวไปให้ทาเนีย เมริเอ็ตตาได้ยินชื่อทาเนียก็เหมือนจะรู้จักแล้วบอกว่าเธอเป็นลูกสายของลูกค้าประจำที่คอยส่งเกลือให้ร้านนี้เอง ไม่เคยเจอหน้าแต่บางครั้งมีชื่อเธอเป็นผู้ส่งสินค้า ดังนั้นเธอจึงมอบผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งให้แล้วบอกให้อาช่าช่วยเอาไปฝากให้ที



พอออกมาเดินในเมืองอีกทีก็เจอเรจีนากำลังขนของหนักอยู่ ในนั้นเป็นอุปกรณ์พวกเย็บปักถักร้อย เธอบอกว่าจะทำเสื้อผ้าให้กับน้องชาย



ช่วงนี้ถึงเวลาของงานประกวดของหายากที่แฮรีจัดอีกครั้ง คราวนี้เอาผลึกเกลือที่เคยได้มาจากทาเนียส่งเข้าประกวดก็พบว่าชนะด้วยคะแนนขาดลอยท่วมท้น



จากนั้นก็มาพบว่าของที่อาช่าส่งเข้าประกวดได้ถูกนำมาวางขายในราคาแพงถึง ๒๑๘๙



พอกลับมาที่อาเตอลีเยแฮรีก็เข้ามาหาอาช่า เขาเล่าว่าช่วงนี้ตัวเองหมดความมั่นใจในฐานะนักสะสมของหายากไปแล้วเพราะแพ้ให้กับอาช่า แต่อาช่าก็ปลอบใจจนเขามีกำลังใจขึ้นมาอีกครั้ง



วันต่อมาโอดีเลียมาหาอาช่าถึงที่อาเตอลีเย เธอมาทวงหนังสือที่อาช่าเคยยืมไปเพราะครบหนึ่งปีแล้ว แต่อาช่าบอกว่ายังอ่านไม่จบเลยขอยืมต่อ จึงทำเรื่องขอขยายเวลายืมต่อไป



จากนั้นอาช่าไปหาเมริเอ็ตตาที่ร้านขายของอีกก็พบว่าเธอกำลังคุยกับคนส่งของอยู่เรื่องที่ว่าสินค้าส่งไม่ถึงสักทีเหมือนจะสูญหายระหว่างทาง เมริเอ็ตตาก็เลยไหว้วานอาช่าว่าถ้าหากไปที่ฮอร์นไฮม์ช่วยไปคุยกับผู้บริหารบริษัทขนส่งให้ที



แล้วอาช่าก็เจอลินคาที่ริมฝั่งน้ำอีกครั้ง คราวนี้เธอบอกว่าหาเพื่อนได้เพิ่มอีกคนแล้ว นั่นคือมาริออนนั่นเอง แต่ก็ยังเหลืออีกตั้ง ๙๘ คน แต่อาช่าก็บอกว่าเพื่อนไม่ได้สำคัญที่จำนวนหรอก ถึงจะมีน้อยแต่ถ้าสนิทกันจริงๆนั่นแหละที่สำคัญ ระหว่างคุยกันอยู่แฮรีก็เข้ามาหา พอรู้ว่าลินคากำลังหาเพื่อนอยู่ก็เสนอตัวเป็นเพื่อน แต่ลินคาปฏิเสธแล้วหันดาบเข้าหา อาช่าเองก็คิดในใจว่าสองคนนี้ท่าจะเป็นเพื่อนกันไม่ได้หรอก



พอกลับมาที่อาเตอลีเยมาริออนก็มาหาแล้วถามว่าลินคาพูดถึงเธอยังไงบ้าง ดูเหมือนมาริออนจะเป็นห่วงลินคาเป็นอย่างมากเพราะเธอเป็นคนซื่อ เอาแต่ทำตามหน้าที่โดยคิดอะไรเองไม่ค่อยเป็น



วันต่อมาพอมาที่ตลาดก็พบลินคากำลังยืนเรียกลูกค้าอยู่เพราะทานอาหารแล้วลืมเอากระเป๋าตังค์มาก็เลยต้องทำงานชดใช้



อาช่ามาที่สะพานทางเข้าเมือง เอาหญ้ากำจัดแมลงมาส่งให้กับเออร์นีตามที่เขาเคยร้องขอเอาไว้ อาช่าถามว่าเพื่อนเขาคนที่ขอให้ช่วยนี่เป็นผู้หญิงหรือ เออร์นีก็ตอบว่าไม่ใช่ เป็นเพื่อนผู้ชาย แต่เป็นเพื่อนที่สำคัญมาก



ใกล้ๆตรงนั้นอาช่าเจอยูริสกำลังยืนขายของอยู่ เขาบอกว่าเอาของที่ล่าได้มาขาย แต่ว่าขายได้ไม่ค่อยดีเลยเพราะหน้าตาเขาไม่รับแขก เขาเคยพยายามจะยิ้มแล้วแต่กลับทำให้เด็กร้องให้ซะอย่างนั้น



ตั้งแต่นั้นมาก็สามารถมาซื้อของกับยูริสที่ร้านตรงนี้ได้ ร้านเขาก็มีของดีๆขายอยู่ไม่น้อย



แล้วก็ได้เวลาออกเดินทางไปผจญภัยอีกครั้ง วิลเบลบอกว่าเป้าหมายที่จะไปก็คือที่โรงงานแก้วซึ่งเคยไปมาก่อนหน้านี้แล้วที่นั่นมีของดีที่เธอคิดว่าพอจะทำเงินได้อยู่ จึงตกลงจะไปที่นั่นกันดู



แต่ก่อนอื่นอาช่ามีเรื่องด่วนที่ต้องรีบไปทำก่อนคือไปหาคีธกริฟที่หอสมุด ดังนั้นเรื่องนี้จึงเลื่อนไปก่อน

ระหว่างทางเจอกับเออร์นีก็เลยถือโอกาสถามเรื่องผ้าที่เรจีนาต้องการ เออร์นีก็รับปากจะช่วยทันที



อาช่ากลับลงไปชั้นล่างของหอสมุดเพื่อหาแผงควบคุม ในที่สุดก็เจอแล้วก็หยุดการทำงานได้สำเร็จ ทุกอย่างกลับมาสู่ความสงบ



พอกลับขึ้นมาชั้นบนก็พบว่าโอดีเลียกำลังหมดสติอยู่ คีธกริฟบอกว่าดูเหมือนจะเกิดการขัดข้องชั่วขณะ เดี๋ยวจะช่วยจัดการให้เอง ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง



อาช่ายื่นน้ำมันหอมสกัดจากดอกไม้ส่องแสงที่ตัวเองทำออกมาได้ให้คีธกริฟดู คีธกริฟบอกว่าดูท่าจะมีเวลาเหลือไม่มากแล้วต้องรีบทำอะไรโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นนิโออาจจะไม่อาจกลับมาได้อีกแล้ว ให้เตรียมสร้างไอเท็มที่จำเป็นขึ้น โดยสถานที่ต้องเป็นอาเตอลีเยที่เป็นบ้านอาช่า



ระหว่างทางผ่านรีเซินกัง เจอเรจีนา เธอขอบใจที่ช่วยเรื่องผ้า เรจีนาบอกว่าไว้ช่วยพายูริสมาให้หน่อยอยากให้ช่วยลองชุด อาช่าก็รับปาก



พอออกไปเดินในหมู่บ้านก็เจอไกลด์ (クライド, Glide) เถ้าแก่หัวหน้าของเรจีนากำลังทะเลาะกับมาริออนอยู่ เขาพยายามห้ามไม่ให้เธอเข้าไปเพราะผู้หญิงเข้าไปเองมันอันตราย



แล้วอาช่าก็พายูริสมาหาเรจีนา คราวนี้ให้เขาลองสวมเสื้อผ้าก็พบว่าเขาดูดีมาก เท่านี้ก็สามารถเตรียมเสื้อผ้าส่งให้น้องชายได้แล้ว



เสร็จธุระตรงนี้อาช่าก็เดินทางต่อเพื่อกลับไปยังอาเตอลีเยที่บ้านของตัวเอง มีเรื่องสำคัญที่จะต้องทำรออยู่

>> อ่านตอนต่อไป